April 27, 2016

สมุนไพรกับการรักษาโรคกระเพาะอาหารและโรคกรดไหลย้อน

สมุนไพรกับการรักษากลุ่มโรคทางเดินอาหาร สมุนไพรที่ดีมีประโยชน์โดยตรงในการดูแลรักษาโรคกระเพาะอาหารและโรคกรดไหลย้อน รวมถึงอาการจุกเสียด แน่นท้อง มีลมในท้อง อาหารไม่ย่อย คือ ขมิ้นชัน และดอกคาโมไมล์

ขมิ้น แก้โรคกรดไหลย้อน


ขมิ้นชัน (Turmeric) มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ขมิ้นทอง, ขมิ้นดี, ขมิ้นไข, ขมิ้นหยวก, ขี้มิ้น, ขมิ้นแกง เป็นต้น และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa L. จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE) จัด เป็นพืชจำพวกเหง้า ใบเป็นแผ่นรูปหอกปลายแหลมกาบใบแคบมีร่องเล็ก ๆ สีเขียวอมน้ำตาล ดอกออกเป็นช่อใหญ่จากเหง้าสีขาว เนื้อในเหง้ามีสีส้มและมีกลิ่นฉุน

สรรพคุณของขมิ้นชัน
ช่วย เจริญอาหาร ยาบำรุงธาตุ ฟอกเลือด แก้ท้องอืดเฟ้อ แน่น จุกเสียด อาหารไม่ย่อย ลดกรด และยังพบว่า สมุนไพร ขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่มีสารเคอคิวมินอยด์ที่ซึ่งมีอยู่ในเหง้าหรือหัวของขมิ้นชัน สารนี้ช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบ กระตุ้นการขับน้ำดีจึงทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นการหลั่งของสาร มิวซิน ซึ่งเป็นสารเคลือบกระเพาะอาหาร จึงทำให้แผลดีขึ้น มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และน้ำมันในขมิ้นชันยังช่วยแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกด้วย

คาโมไมล์ chamomile tea
ชาดอกคาโมไมล์ (Camomile FlowerTea) ชาดอกไม้ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหาร ในดอกคาโมมายล์มีน้ำมันธรรมชาติซึ่งมีคุณสมบัติทำให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จึงช่วยทำให้เราหลับสบายขึ้น และกลิ่นที่หอมยังช่วยเรื่อง ผ่อนคลายจากภาวะความเครียดได้ ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายจาก ชาคาโมไมล์ได้เป็นอย่างดี


มีงานวิจัยที่รับรองว่า "ชาดอกคาโมมายล์" มีสรรพคุณต่างๆมากมายดังนี้
-ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
-มีส่วนช่วยป้องกันและรักษา ในเรื่องระบบทางเดินอาหาร เช่นโรคกระเพาะหรือลำไส้
-ลดอาการปวดประจำเดือน และลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
-กลิ่นที่หอม หวาน ยังช่วยเรื่อง ผ่อนคลายจากภาวะความเครียดได้
-มีคุณสมบัติทำให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จึงช่วยให้เราหลับสบายขึ้น
-ทำเป็นเครื่องดื่ม ให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวตะวันตกและหลายๆคน จึงเริ่มที่จะหันมานิยมดื่ม " ชาดอกคาโมมายล์ " ก่อนนอน


ทีนี้เราลองมาดูอาการของโรคแต่ละโรคกันว่าเป็นยังไง
โรคกระเพาะอาหาร
โรคกระเพาะอาหาร คือ ภาวะที่มีแผลเยื่อบุกระเพาะและลำไส้ถูกทำลาย ถึงแม้ว่าจะเรียกว่าโรคกระเพาะแต่ก็สามารถเป็นได้ทั้งที่กระเพาะและลำไส้ เพราะน้ำกรดหรือน้ำย่อยในทางเดินอาหารของเราได้หลั่งออกมามากเกินความจำเป็น ส่งผลทำให้ไปกัดกร่อนหรือทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่ภายในทางเดินอาหารของเรา และสาเหตุที่ทำให้มีน้ำกรดหรือน้ำย่อยออกมามากเกินนั้น ก็มีสาเหตุมาจากหลาย ๆ ปัจจัย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกิดจาก พฤติกรรมของเราเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่


1. การถูกกระตุ้นของระบบปลายประสาท ซึ่งเกิดจากความเครียดหรือวิตกกังวล
2. การดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ เหล้า เบียร์ ยาดอง ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (Caffeine) เพราะสารชนิดนี้จะมีผลกระตุ้นทำให้กรดหลั่งออกมามาก
3. การสูบบุหรี่ก็มีผลกระตุ้นทำให้เกิดการหลั่งกรดออกมามากด้วยเช่นกัน
4. การกินอาหารไม่เป็นเวลา ทำให้น้ำกรดในร่างกายมีสภาวะสับสน และทำให้น้ำกรดหลั่งออกมาไม่ถูกเวลา จึงส่งผลกระทบกัดกร่อน เนื้อเยื่อในทางเดินอาหารได้
5. นอกจากพฤติกรรมดังกล่าวยังมีอีกหลายปัจจัยปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะได้ เช่น การเลือกรับประทานยาที่มีฤทธิ์กัดหรือทำลายเนื้อเยื่อทางเดินอาหาร การมีโรคประจำตัว เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ ที่ส่งผลกระตุ้นน้ำกรดหลั่งออกมาได้เช่นกัน

อาการของโรคกระเพาะ
1. ปวดท้อง ลักษณะอาการปวดท้องที่สำคัญ คือ ปวดตรงบริเวณกลางท้อง เหนือสะดือ หรือบริเวณใต้ลิ้มปี่ (เพราะตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งของกระเพาะอาหาร) รวมทั้งมีอาการของ ปวดแบบจุกเสียด แสบร้อน แต่ในบางรายอาจมีอาการปวดในช่วงกลางคืนได้ด้วย2. จุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ เรอลม มีลมในท้อง ร้อนในท้อง คลื่นไส้อาเจียน

อาการโรคแทรกซ้อนที่พบ ได้แก่
- อาเจียนหรือถ่ายดำ เนื่องจากมีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กส่วนต้น
- ปวดท้องรุนแรงและช็อค เนื่องจากแผลกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กทะลุ
- ปวดท้องและอาเจียนมาก เนื่องจากการอุดตันของกระเพาะอาหาร
- บางรายไม่มีความสัมพันธ์หรือแสดงอาการอะไร แต่มีภาวะน้ำหนักตัวลด เบื่ออาหาร แน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียนบ่อย ๆ ตลอดเวล

โรคกรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease – GERD) คือ ภาวะที่มีน้ำย่อย หรือ น้ำกรดในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารจนส่งผลให้มีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ คือ


1. ระคายเคืองบริเวณลำคอ ทำให้บางคนมีเสียงแหบ เสียวฟัน เรอเปรี้ยว กลืนน้ำลายติดขัด หรือเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่บริเวณลำคอ หรือมีอาการไอเรื้อรังเป็นเวลานาน2. แสบร้อนบริเวณหน้าอก หรือจุกเสียดแน่นบริเวณใต้ลิ้นปี่ ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก คล้ายๆ กับแน่นหน้าอก เหมือนคนเป็นโรคหัวใจ
3. จุก เสียด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ซึ่งจะมีอาการจะคล้ายกับคนเป็นโรคกระเพาะอาหาร

ปัจจัยที่ส่งผลให้เป็นกรดไหลย้อนได้อีกด้วย คือ
1. พฤติกรรมการบริโภคการรับประทานอาหารอาหารรสจัดหรือรสเผ็ด อาหารประเภทไขมันสูง อาหารทอด ชา กาแฟ น้ำอัดลม การดื่มสุรา รวมทั้งการสูบบุหรี่2. พฤติกรรมการนอนหรือการเอนกายทันทีหลังรับประทานอาหาร
3. ความเครียดส่งผลให้น้ำกรดหลั่งออกมาตลอดเวลาก็ทำให้ล้นไหลขึ้นมาได้
4. โรคอ้วน เพราะด้วยสรีระที่แน่นอึดอัด พุงใหญ่ ตลอดจนการสวมเสื้อผ้าที่คับและการรัดเข็มขัดแน่น ๆ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้เช่นกัน
5. การตั้งครรถ์ ด้วยเหตุผลคล้ายกับโรคอ้วน เพราะมีสรีระรูปร่างๆ คล้ายๆ กัน
6. ยาบางชนิด เช่น ยาขยายหลอดลม ยาลดความดันบางกลุ่ม ตลอดจนกลุ่มยาฮอร์โมนบางตัวก็มีผลกระตุ้นการคลายตัวของหูรูดหรือมีการหลั่งกรดมากขึ้น

กันต์โตะ ชาสมุนไพร เชียงใหม่
www.chiangmaiteashop.com

Line ID: chiangmaitea  | Line ID: chiangmaiteashop

0 comments:

Post a Comment

Popular Posts