คงจะเป็นเพราะว่าชาเขียวในท้องตลาดหลากหลายยี่ห้อขายดิบขายดี ก็เลยมีการเขียนข้อความและส่งต่อทางอีเมล์
โดยอ้างชื่อหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่งให้ข้อมูลทำนองว่า “การ
ดื่มชาเขียวที่แช่เย็น จะทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย กล่าวคือ
นอกจากไม่ช่วยในการอนูมูลอิสระ หรือสารพิษออกจากร่างกายแล้ว
ยังก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของสารพิษอันเป็นสาเหตุของมะเร็งอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ไขมันในร่างกายก่อตัวมากขึ้นตามผนังหลอดเลือด
และอุดตันตามผนังลำไส้ มะเร็งลำไส้ทำให้เกิดโรคร้ายตามมา เข่น
หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ ” เป็นต้น
อีเมล์ดังกล่าวจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ มาฟังจากปาก นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชสาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กันครับ
นพ.กฤษดา กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องอธิบายเกี่ยวกับชาก่อน ชาแบ่งเป็นประเภทง่ายๆ ตามปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ มีอยู่ 5 กลุ่ม คือ
- ชาเขียว เป็นชาที่ไม่ได้ผ่านการหมัก
- ชาดำ จะหมักนาน โดนอากาศ ทำให้สารต้านอนุมูลอิสระลดลง
- ชาอู่หลง เป็นชาที่หมักส่วนหนึ่ง ไม่ได้หมักส่วนหนึ่ง จะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ากลุ่มที่ 2 แต่น้อยกว่ากลุ่มแรก
- ชาขาว มาจากส่วนยอดของใบชาที่ยังเป็นตุ่มอยู่เลย ยังไม่ผลิใบ ปีหนึ่งจะเก็บได้ 2 ครั้งคุณสมบัติก็พอๆ กับชาเขียวเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ และ
- ชาสมุนไพร เป็นชาแบบไม่ใช่ชา เช่น ชาดอกไม้ ชามะลิ ใบหม่อน เป็นต้น
สารต้านอนุมูลอิสระในชา คือ สารคาเทชิน และอีกตัวคือแทนนินซึ่งมีประโยชน์คือทำให้ลำไส้ปกติ ไม่แปรปรวน โดยแทนนินจะมีรสฝาด
ชาที่เป็นซองซอยหรือหั่นละเอียด จะดีกว่าชาที่กินเป็นใบตรงที่ว่า
ชาหั่นละเอียดจะทำให้สารแทนนินหรือสารฝาดออกมาเยอะ
แต่บางคนอาจจะไม่ชอบรสฝาดเท่าไหร่
คือถ้าชอบรสอ่อนหน่อยก็จะดื่มชาที่เป็นใบๆ
วิธีการเลือกดื่มชาคือ
ไม่ควรเลือกชารสฝาดเกินไป เพราะ
ถ้าชารสฝาดเกินไปอาจจะเป็นกากชาที่มันหักหรือทิ้งไว้นานก็ได้
เลือกชาที่มีรสจางอ่อนจนเกินไป เพราะ
เท่ากับว่าแทบจะไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เลย ส่วนสีก็พอจะบอกได้ว่า
ถ้าสีเข้มน่าจะมีสารแทนนินเยอะ แต่สีจางก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ดีเสมอไป
สารต้านอนุมูลอิสระคือคาเทชินในชาจะหายไปถ้าโดนความร้อนจัดนานนับชั่วโมง
โดยมีงานวิจัยระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระจะหายไปประมาณ
20%หากโดนความร้อนนานๆ แต่คนที่ดื่มชาส่วนใหญ่จะชงชาดื่ม ไม่ต้มชา
ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีปัญหาอะไร
เพราะฉะนั้นที่อีเมล์ระบุว่า ชาที่เย็น จะทำให้เกิดมะเร็งนั้น ไม่น่าจะเป็นความจริงแต่อย่างใด
สิ่งที่น่าห่วงในชาเขียวที่เป็นขวดๆ แช่เย็น คือพวกน้ำตาลมากกว่าเพราะถ้าดื่มในปริมาณมากๆ
อาจทำให้อ้วนได้ !!
ใครที่ไม่ควรดื่มชา ? คนที่มีปัญหา ท้องอืดบ่อยๆ เพราะชาจะทำให้ท้องอืด ลำไส้บีบตัวไม่ดีนัก
เด็กก็ไม่ควรดื่ม และคนที่เป็นโรคหัวใจ ก็ไม่ควรดื่ม
เพราะจะทำให้ใจเต้นเร็วทำงานหนักขึ้น
หญิงตั้งครรภ์ก็เช่นกันเพราะในชามีกาแฟอีน อาจจะส่งผลต่อการบีบตัวของมดลูก
และไปกระตุ้นตัวอ่อนในครรภ์ได้
อาจส่งผลทำให้คลอดก่อนกำหนดรวมทั้งคนที่เป็นโรคไต เพราะจะทำให้ปัสสาวะบ่อย
แล้วใครที่ควรจะดื่มชาบ้าง? คนที่อยากจะควบคุมน้ำหนัก มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่า สารแทนนินในชา
ถ้ารวมกับกาเฟอีน ซึ่งมันมีอยู่ในชาทั้ง 2 ชนิด
จะช่วยในเรื่องการเผาผลาญในร่างกาย แต่ไม่ถึงกับช่วยลดน้ำหนัก ดังนั้น
คนที่จะคุมน้ำหนักก็สามารถดื่มชาได้ร่วมกับการออกกำลังกาย
และอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรดื่มชา คือ คนที่สูบบุหรี่จัด
พวกนี้จะมีสารอนุมูลอิสระเยอะ ก็คงต้องการสารคาเทชินมากหน่อย
ไปช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นต้นเหตุของมะเร็ง
รวมไปถึงคนที่ต้องใช้สมองเยอะๆ ขี้หลง ขี้ลืม
คาเทชินจะช่วยล้างตะกรันแก่ในสมองได้
แนะเคล็ดลับง่ายๆให้สารต้านอนุมูลอิสระในชาเขียวยังคงอยู่คือ ระหว่าง
ชงชาให้ใส่มะนาวลงไปด้วย คือ แทนที่จะกินชาเขียวร้อนๆ
อย่างเดียวก็กินชาผสมมะนาวไปด้วยแต่ถ้าไม่ชอบรสเปรี้ยวก็ไม่ต้องใส่มะนาวก็
ได้
สรุป
ว่า ชาเขียว แช่เย็นไม่ได้เป็นอันตรายตามที่ข้อความในอีเมล์ระบุ
แต่ข้อควรระวังก็คือปริมาณน้ำตาลในชาเขียวที่เป็นขวดมากกว่า
เพราะหากดื่มมากจนเกินไป และไม่ออกกำลังกาย อาจทำให้อ้วนได้
ส่วนใครจะดื่มหรือไม่ดื่มชานั้น
ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะใช้วิจารณญาณไตร่ตรองเอง
เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใครไปบังคับกันได้
รู้แบบนี้แล้ว คงต้องพิถีพิถัน ในการดื่มชากันหน่อยแล้วล่ะ ครับ....
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.chiangmaiteashop.com/shop-chiangmaitea-interest-220.html